บทความ

ดื่มน้ำอัดลมมากเสี่ยงกระดูกพรุนและเป็นอัมพาตทั้งตัว

รูปภาพ
นายหวัง ชายประเทศจีน อายุ 53 ปี เมื่อไม่นานมานี้ขณะกำลังเงยหัวดื่มโค้กเกิดเป็นอัมพาตกระทันหัน แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง หลังรับการผ่าตัดหมอให้พักผ่อนครึ่งปี ถึงจะสามารถเดินได้ปกติ คุณหมอระบุว่าเป็น "โรคเส้นประสาทไขสันหลังส่วนคอเสื่อม" เป็นโรคที่ร้ายแรงชนิดหนึ่ง สาเหตุที่แท้จริงคือ นายหวังได้ดื่มเครื่องดื่มอัดลมแทนน้ำ ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุนรุนแรง นายหวังเป็นคนชอบดื่มเครื่องดื่มอัดลมมาก โดยเฉพาะโค้กที่ดื่ม 2 กระป๋องมาตลอด 20 ปี นายหวังได้กล่าวว่า "วันนั้นนั่งคุยกับเพื่อน หลังจากนั้นก็ยกโค้กเงยหัวขึ้นดื่ม หลังจากนั้นก็รู้สึกผิดปกติ" เมื่อดื่มเข้าไปแล้ว นายหวังรู้สึกแน่นหน้าอกอยากอาเจียน และร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ล้มลงกับพื้น และไม่รู้สึกอะไรแล้วหลังจากนั้น การดื่มเครื่องดื่มอัดลมจำนวนมาก จะทำให้มีผลกระทบไม่ดีต่อร่างกายอย่างมาก ส่งผลให้เป็นโรคกระดูกพรุนนายหวังถูกเพื่อนนำส่งโรงพยาบาลโดยทันที หลังจากตรวจเช็คแล้วพบว่า กระดูกสันหลังบริเวณคอสั่น ทำให้สมองมีเลือดออก หมอกระดูกยังบอกอีกว่า "เมื่อกี้ตรวจเช็คแล้วขาทั้งสองข้างไม่สามารถขยับได้ มีเพียงแค

หลีกเลี่ยงซะ!! พฤติกรรมแย่ๆที่ทำแล้วเสี่ยงป่วยได้

รูปภาพ
ณ ปัจจุบันและอนาคต สาเหตุแห่งการป่วยของมนุษย์ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคเท่านั้น อาจมีโรคที่อาจไมไ่ด้เกิดจากเชื้อโรคก็เป็นได้ บางครั้งสาเหตุการป่วยก็อาจเกิดจากการไม่ค่อยดูแลตัวเองได้ อาจเพราะคุณไม่รู้ว่าการกระทำแบบนี้ส่งผลแบบไหนต่อร่างกาย ซึ่งพฤติกรรมแย่ๆที่ทำให้ร่างกายป่วยได้แก่ 1. ไม่รับประทานอาหารเช้า หากไม่รับประทานอาหารเช้าจะทำให้เกิดอาการหงุดหงิดได้ง่ายกว่าช่วงเวลาอื่นๆของวัน เนื่องจากในช่วงกลางคืนได้ผ่านการอดอาหารมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว จึงทำให้ตื่นเช้ามาเกิดอาการหิว และหากไม่กินอาหารเช้าอีกก็จะทำให้หิวจนหงุดหงิดไปใหญ่ นอกจากนี้หากหิวมากๆก็ อาจไปหาของหวานหรือของว่างมากิน จนได้รับพลังงานเกินความจำเป็นทำให้อ้วนมากขึ้นได้ 2. กินน้ำน้อย การดื่มน้ำน้อยอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น ขี้เกียจลุกไปหาน้ำดื่ม ทำงานเพลิน คิดว่าทนต่อไปก็คงไม่เป็นอะไร ซึ่งไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม การขาดน้ำจะทำให้เยื่อบุที่ปาก จมูก และดวงตาเกิดอาการแห้ง อักเสบ และมีการเสี่ยงต่อการติดเชื้อในอวัยวะเหล่านี้ได้ ไม่เพียงเท่านั้นการขาดน้ำอาจทำให้ปวดหัวและเกิดอาการหงุดหงิดได้ 3. มีนิสัยชอบกัดเล็บ ขยี้ตา จับจมูก บริเวณใบ

นอนกรน แก้ได้ด้วยสมุนไพรไทยๆ

รูปภาพ
นอนกรนพบได้บ่อยในทุกอายุ ตั้ง แต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยพบได้สูงขึ้นตามอายุที่สูงขึ้น ส่วนใหญ่พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง    คนที่มีปัญหา นอนกรนจะมีโอกาสเป็น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง ความจำถดถอย เพิ่มมากขึ้นกว่าคนปกติ และเมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บดังกล่าวอยู่ เช่น มีความดันโลหิตสูง การรักษาภาวะ นอนกรน นี้ ก็จะทำให้คุมความดันโลหิตได้ยากขึ้น วันนี้เรามาแนะนำ 4 สมุนไพรที่มีสรรพคุณสามารถลดอาการนอนกรนได้ เช่น หอมแดง พริกขี้หนู ขิง ใบแมงลัก ซึ่งสมุนไพรแต่ละชนิดจะช่วยทำให้ระบบหายใจทำงานดีขึ้น 1. หอมแดง  ช่วยให้เกิดความชุ่มชื้นในลำคอช่วยให้ ระบบหายใจทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยบรรเทาอาการนอนกรนอีกด้วย กินอย่างน้อย 2 เดือนรับรองเห็นผล 2. พริกขี้หนู  รสเผ็ดของพริกจะช่วยให้ทางเดินหายใจโล่ง และเกิดความชุ่มชื้นในลำคอสารแคปไซซินช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบหลอดลม 3. ขิง  ใช้เหง้าขิงแก่สดขนาดเท่าหัวแม่มือ หรือ ประมาณ 5 กรัม นำมาทุบให้แตกแล้วต้มเอาน้ำดื่มก็จะช่วยให้มีความสดชื่น แถมยังทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานสะดวกมากขึ้น หากดื่มน้ำขิงบ่อย ๆ อาการนอนกรนก็จะค่อย ๆ บรรเทาลงอย่างแน่นอน 4. ใบ

สาธารณสุข เตือนระวัง 4 โรคที่มาพร้อมอากาศร้อนเมืองไทย

รูปภาพ
ถึงแม้ชาวไทยจะคุ้นแคยกับ 3 ฤดูในบ้านเรากันเป็นอย่างดีแล้ว (ฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก และฤดูร้อนสุดๆ) แต่ยังไงเราก็ยังคงต้องระวังรักษาตัวเองจากแดดแรงๆ นี่กันอยู่ดี จะปล่อยให้ตัวเองถูกแดดเผา จนเป็นลมเป็นแล้ง หรือเป็นโรคร้ายแรงอื่นๆ ถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ หรือต้องพบแพทย์ก็คงไม่ดี กรมควบคุมโรค   กระทรวงสาธารณสุข เตือน ให้ระวัง 4 โรคที่มาพร้อมกับแดดแรงๆ  อากาศร้อน อบอ้าวนี่กันค่ะ  1.  ลมแดด (ฮีทสโตรก) หลายคนเริ่มคุ้นหูกับคำว่าฮีทสโตรกมากขึ้นกันแล้วใช่ไหมคะ ฮีทสโตรกเป็นชื่อภาษาอังกฤษของโรคลมแดด หรืออาการที่เป็นลมจากอากาศร้อนจัด ร่างกายระบายความร้อนไม่ทัน ร่างกายอุณหภูมิสูงขึ้น บวกกับอาการขาดน้ำที่จะมาช่วยหล่อเลี้ยงร่างกาย และช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ นอกจากนี้เป็นเพราะเราสูญเสียน้ำจากร่างกายออกไปทางเหงื่อจำนวนมาก แล้วไม่ได้ดื่มน้ำเข้าสู่ร่างกายเพื่อทดแทนเหงื่อที่เสียไป ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายช็อคจากการขาดน้ำได้เหมือนกัน  2.  เพลียแดด เพลียแดดมีอาการคล้ายลมแดด แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นมีอาการชัก หรือเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตาขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไรอาการเพลียแดดก็อันตรายไม่แพ

สาวบัญชี ลบคำดูถูก ปลูกสตรอว์เบอรี่ โกยเงินล้าน!!

รูปภาพ
สาวบัญชี เคยโดนดูถูก “เรียนสูง แต่ดันเป็นเกษตรกร” ลบคำสบประมาท ปลูกสตรอว์เบอรี่ โกยเงินล้าน ชิลล์ ชิลล์ ปัจจุบันสตรอว์เบอร์รี่ไม่ได้เป็นผลไม้เมืองหนาวอีกต่อไปแล้ว จะเห็นได้ว่าทุกภาคในประเทศไทยสามารถปลูกสตรอว์เบอรี่ได้ ดั่งเช่นที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าของไร่ คือ คุณพิมพ์วรัตน์ คำเรือง หรือคุณน็อต สาวนักบัญชี จากรั้วมหาวิทยาลัยสยาม น็อต เล่าว่า หลังเรียนจบคณะบัญชี จากมหาวิทยาลัยสยาม ก็ไม่คิดทำงานประจำ คิดแต่เพียงว่าจะกลับบ้าน ไปช่วยพ่อแม่ทำไร่ เพราะพ่อแม่เป็นเกษตรกร ปลูกมะนาว ปลูกแตงกวา แต่ทว่ามะนาวราคาไม่แนนอน เลยทดลองหาผลไม้แปลกๆ มาปลูก ในที่สุดเลือกปลูกสตรอว์เบอรี่ เคยโดนสบประมาทจากเพื่อนบ้านว่าพ่อแม่อุตสาห์ส่งเสียให้เรียนสูงจบปริญญาตรี แต่กลับเลือกมาเป็นเกษตรกร จากคำดูถูกนั้น เป็นแรงผลักดันให้สาวนักบัญชีเจนวาย มุ่งมั่นและทุ่มเท ปลูกสตรอว์เบอรี่ ดูสักตั้ง ที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ปัจจุบันเธอเก็บผลสดขายทุกวันวันละเกือบ 40 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 350 บาท เรียกว่ามีรายได้หลักล้านบาทต่อปี มีเงินใช้สบายๆ พ่อกับแม่ของน็อต มีอาชีพเป็นเกษตรกรมาตลอดทั้งชีวิต โดยลูก

แชร์เลย เคล็ดลับชะลอความแก่ก่อนวัยกัน!!

รูปภาพ
ตามธรรมชาตินั้นร่างกายมนุษย์สร้างอนุมูลอิสระขึ้นมาเอง และมีสารต้านอนุมูลอิสระรักษาสมดุลไม่ให้มีอนุมูลอิสระส่วนเกิน หากแต่ปัจจัยภายนอกอย่างการสูบบุหรี่  การสัมผัสรังสี โลหะหนัก และมลภาวะเป็นเวลานานๆ รวมถึงความเครียด และการรับประทานอาหารผิดๆ เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายสร้างอนุมูลอิสระมากผิดปกติ  เกิดเป็นความไม่สมดุลที่เรียกว่า oxidative stress ซึ่งเป็นตัวทำลายเซลล์ดีๆ ของร่างกาย และเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆ มากมาย ทั้งความแก่ โรคข้อต่างๆ ต้อกระจก หลอดเลือดแข็ง ภาวะอักเสบต่างๆ รวมถึงมะเร็ง  สิ่งที่ทำให้คนเรา  “ แก่เร็ว”   คือความเจ็บป่วย โดยเฉพาะการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง โรค มะเร็ง  โรค ความดัน โลหิตสูง และโรคอ้วนลงพุง ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากอนุมูลอิสระที่มากเกินไปในร่างกาย เมื่อร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระมาให้เพียงพออีกต่อไป จึงจำเป็นที่คนเราจะต้องปรับการใช้ชีวิตเพื่อช่วยร่างกายต่อสู้อนุมูลอิสระ โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีสารหรือสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สารอาหาร

สยองเลย! อาหารชนิดนี้เสี่ยงเกิดมะเร็ง 4 ประเภทได้ในทันที

รูปภาพ
ถ้าพูดถึง  ฮอทด็อก  หลายๆคนคงจะชอบกิน ไม่ว่าจะทอด ปิ้ง ย่าง จิ้มกับน้ำจิ้มก็อร่อยเหาะ มันอาจจะมีคุณค่าทางอาหารอยู่ แต่หารู้ไม่ว่าก็มีภัยร้ายที่ปลอมปนมากับมันไม่น้อยเลยทีเดียว จากต้นตอจนถึงกรรมวิธีการผลิต ฮอทด็อกถูกนำมาใช้เป็นอาหารตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยผู้อพยพเยอรมันและมันได้รับนิยมมากขึ้นสำหรับคนทุกเพศทุกวัยในศตวรรษที่ 21 ตามที่องค์การอนามัยโลกได้ระบุไว้, เนื้อสัตว์แปรรูปทั้งหมดรวมถึงเนื้อแดงเพิ่มโอกาสของการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะฮอทด็อกที่ผลิตจากเนื้อวัว เนื้อไก่ และเนื้อหมู เพราะส่วนผสมของฮอทดอกได้มาจากส่วนเหลือๆ ของเนื้อสัตว์ เช่น ส่วนหัว เท้า ไขมัน หนัง รวมถึงพังผืด ขั้นตอนในการผลิตฮอทด็อกนั้นส่วนผสมของมันเต็มไปด้วยสารเติมแต่ง เช่น สารไนเตรต, เกลือ, น้ำเชื่อมข้าวโพด และสารเคมีชนิดอื่น ๆ ซึ่งส่วนผสมต่างๆ เหล่านี้เชื่อมโยงถึงการเกิดโรคมะเร็ง ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการแพทย์จึงประกาศว่าการบริโภคฮอทด็อกมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งพอๆ กับการสูบบุหรี่ สารไนเตรตเป็นสารที่อันตรายที่สุดที่อยู่ในฮอทด็อก เมื่อสารชนิดนี้ถูกความร้อนมันจะเชื่อมโยงถึงสารเอมีนในเนื้อสัตว์และเปลี่ยนเป็นสารไน