ระวัง!! มะเร็งปากมดลูก ภัยร้ายของผู้หญิง
มะเร็งปากมดลูก
นับเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆ ในหญิงไทย
เป็นอีกหนึ่งโรคสตรีที่มีความอันตรายและเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของ
ผู้หญิง
จากข้อมูลพบว่า
มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นอันดับที่ 4
รองจากโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และมะเร็งปอด ขณะที่ข้อมูลในปี 2558
พบว่าหญิงไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปากมดลูกถึงวันละ 14 ราย ปีละประมาณ
5,000 รายและมีผู้ป่วยรายใหม่ปีละกว่า 10,000 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ
ทั้ง ๆ ที่มะเร็งปากมดลูกนั้นสามารถตรวจหาความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น
ๆและสามารถป้องกันได้
การป้องกันมะเร็งปากมดลูกหนทางหนึ่งก็คือ
การได้รับวัคซีน
และถือเป็นความโชคดีของคนไทยที่จะได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก(วัคซีน
HPV)ฟรี!โดยล่าสุดคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบให้
บรรจุวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก(วัคซีน
HPV)ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคปี 2560 แล้ว
นับเป็นผลงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันในการอำนวยประโยชน์สุขเพื่อคนไทย
นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
ภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติครั้งที่ 6/2559
เมื่อวันที่ 7
กันยายนที่ผ่านมาซึ่งได้มีการพิจารณาโครงการขยายการให้บริการวัคซีนป้องกัน
มะเร็งปากมดลูก(วัคซีน HPV)ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ปี 2560
ว่าตามที่กรมควบคุมโรคได้เร่งรัดการผลักดันให้นำวัคซีนป้องกันมะเร็งปาก
มดลูก (วัคซีนHPV) บรรจุในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ
เนื่องจากหน่วยบริการจะสามารถใช้วัคซีนได้เฉพาะที่อยู่ภายใต้บัญชียาหลัก
แห่งชาติเท่านั้น
ล่าสุดคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติมีมติเห็นชอบและให้บรรจุวัคซีน
ป้องกันมะเร็งปากมดลูก (วัคซีน
HPV)ในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วัคซีน HPV
จึงถือเป็นวัคซีนตัวที่ 11 ในรอบ 17 ปี
และถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ที่ร่วมกันผลักดันจนสามารถบรรจุวัคซีน HPV
อยู่ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขได้
โดยประโยชน์สูงสุดจะเกิดแก่ประชาชนในการมีวัคซีนที่ดี
มีความปลอดภัยไว้ใช้ป้องกันโรคได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม
ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและสามารถให้บริการฉีดวัคซีน HPVได้ภายในปี 2560
นี้ โดยจะมีการนำร่องให้บริการวัคซีน HPVฟรี!ในกลุ่มเป้า
หมายเป็นเด็กหญิงที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 400,000
คนทั่วประเทศ
ถือเป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดในการได้รับวัคซีนและสอดคล้องตามคำแนะนำของ
องค์การอนามัยโลก จากเดิมที่ต้องฉีดถึง 3 เข็ม แต่จะฉีดแค่ 2 เข็ม ห่างกัน 6
เดือน
นอกจากจะเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิผลในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกได้แล้ว
ยังนับเป็นวัคซีนที่มีความคุ้มทุนกับการนำมาใช้และช่วยให้ทุ่นค่าใช้จ่ายลง
ได้
นพ.อำนวย กล่าวต่อว่า
ที่ผ่านมาการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
ภายใต้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ
ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการที่กำหนดชนิดวัคซีนและตารางการให้วัคซีนที่เหมาะสม
สำหรับประชากรไทยได้มีมติเห็นชอบ
แนะนำให้นำวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก(วัคซีน HPV)
มาใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโดยเร็ว
เนื่องจากเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง
สอดคล้องกับผลการศึกษานำร่องในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี
2557 ที่พบว่าได้รับการยอมรับจากผู้เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี
มีความครอบคลุมการได้รับวัคซีนของกลุ่มเป้าหมายในเกณฑ์ดี
ไม่มีอาการภายหลังได้รับวัคซีนที่รุนแรง
และไม่ส่งผลกระทบต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในพื้นที่
"มะเร็งปาก
มดลูก" เป็นโรคมะเร็งที่พบได้มากที่สุดในกลุ่มผู้หญิงไทย
โดยส่วนมากพบในผู้หญิงช่วงอายุ 35-60 ปี ซึ่งสาเหตุสำคัญ
เกิดจากเชื้อไวรัสฮิวแมนแพปพิลโลมา หรือ HPV (Human Papilloma Virus)
ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อกันได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์
ถ้าหากมีการติดเชื้อดังกล่าวแล้ว เชื้อไวรัส
HPVจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณปากมดลูก
โดยอาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน หรือบางรายอาจจะใช้เวลานานถึง 15
ปีกว่าอาการจะสำแดงออกมา
นพ.อำนวย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัย
เสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกนั้น
ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของเพศสัมพันธ์เพราะเป็นสาเหตุสำคัญของการติด
เชื้อไวรัส HPV ซึ่งสามารถเกิดได้จากการมีคู่นอนหลายคน
หรือการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงอายุน้อยกว่า 17 ปี
เพราะในช่วงอายุดังกล่าวเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกมาก
และมีความไวต่อสารก่อมะเร็งสูง โดยเฉพาะเชื้อไวรัส HPV
และหากมีประวัติการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส และหนองใน
จะยิ่งทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
รวมทั้งสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดติดต่อกันนานก็ทำให้มีความเสี่ยงในการ
เกิดมะเร็งปากมดลูกเช่นกัน ถ้านานกว่า 5 ปี จะเสี่ยงสูงขึ้น 1.3
เท่าและหากนานถึง 10 ปี ก็อาจเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 เท่า
ส่วนผู้หญิงที่คลอดลูกมากกว่า 4 ครั้ง
อาจทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า
การให้วัคซีนป้องกัน "มะเร็งปากมดลูก"
จะช่วยการเกิดโรค ลดความสูญเสียชีวิตอีกทางหนึ่ง
นอกเหนือจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่มีการตรวจอย่างแพร่หลายใน
ปัจจุบัน นอกจากนี้วัคซีน HPV
ยังเป็นวัคซีนที่ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ได้เตรียมที่จะ
ขยายสิทธิประโยชน์ด้านวัคซีนสำหรับเด็กเพิ่มเติม โดยได้จัดทำคำของบประมาณปี
2560 เพื่อรองรับการให้บริการวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีน HPV
ในสิทธิตามระบบหลักประกันสุขภาพเรียบร้อยแล้ว
หากประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรคโทร. 1422
นพ.อำนวยกล่าวในตอนท้าย.
จะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้มีการรักษาจากแพทย์แผนทางเลือกควบคู่กันไปด้วย โดยใช้ยาสมุนไพรบำบัด ซึ่งไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาแผนปัจุบัน เช่น เช่น ยาน้ำสมุนไพรโหย่งเหิง หรือ ยาเม็ดสมุนไพรโหย่งหมิง ซึ่งมีทั้งตัวยาจาก "ถั่งเช่า" ที่ช่วยต้านโรคมะเร็ง ปรับสภาพสมดุลของร่างกาย และขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย
เครดิต: ขอบคุณ สสส. ,thaihealth
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น