FISH OIL น้ำมันปลา ดีต่อสุขภาพอย่างไร เรื่องที่คุณต้องรู้


เรามารู้จักกับเจ้า Fish Oil กันก่อนดีกว่าว่ามันคืออะไร น้ำมันปลาก็มาจากปลาไงคะ แต่ไม่ใช่ปลาทั่วไปนะคะ ปลาที่จะให้น้ำมันปลาที่เป็นอาหารเสริมที่มีคุณประโยชน์นั้นต้องเป็นปลาทะเล ค่ะ และต้องเป็นปลาทะเลน้ำลึก อยู่ในกระแสน้ำเย็นด้วยถึงจะได้ปลาที่มีคุณภาพดีถ้าเป็นปลาทะเลทั่วไปอาจจะได้สารสำคัญน้อยกว่านะคะ

ในน้ำมันปลามันมีอะไร ทำไมเป็นน้ำมันที่ดี?
Fish Oil มีส่วนประกอบคือ Omega-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่ง Omega-3 จะ พบแค่ในปลาบางชนิดเท่านั้น เช่น ปลาแมคเคอร์เรล ปลาแอนโชวี่ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น หรืออาจจะพบในผักหรือพืชบางชนิด และที่สำคัญคือร่างกายของคนเราสร้างขึ้นมาเองไม่ได้นะคะ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้นค่ะ

แล้ว Omega-3 คืออะไรนะ?
อย่างที่บอกไปข้างต้น Omega-3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งประกอบด้วย DHA และ EPA โดยมีผลการวิจัยที่เชื่อถือได้ว่าเจ้าตัวนี้มันมีคุณสมบัติดังนี้

1.    ลดระดับ Triglycerides ในเลือด
เจ้าไตรกลีเซอร์ไรด์(Triglyceride) นี้แหละเป็นไขมันตัวร้ายค่ะ ถ้าหากมีการสะสมมากก็อาจจะนำไปสู่การเกิดโรคได้ เช่น ระดับไขมันในเลือดสูง หรือโรคหลอดเลือดและหัวใจ เป็นต้น โดยการกินน้ำมันปลานั้นมีประโยชน์สำหรับคนที่ยังไม่เป็นโรคก็คือ กินเพื่อลดไขมันป้องกันโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่มีสาเหตุมาจากไขมันในเลือดสูง
ยกตัวอย่างคุณป้าที่มาซื้อน้ำมันปลาที่ร้านค่ะ ท่านเพิ่งไปตรวจสุขภาพมาแล้วพบว่าไขมันในเลือดสูง แต่หมอยังไม่ใช้ยาลดไขมันก็ถือว่ายังไม่เป็นโรคนะคะ หมอก็ได้แนะนำให้ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อคุมไขมัน นอกจากนั้นก็มีเพื่อนของคุณป้าแนะนำให้กินน้ำมันปลาที่มีอีพีเอสูงเป็นตัว ช่วยลดไขมันในเลือดถ้าคุณป้าตรวจครั้งหน้าระดับไขมันก็อาจจะลดลงมาปกติได้ ไม่ต้องใช้ยาลดไขมันค่ะ นอกจากการปรับพฤติกรรมแล้วอาหารเสริมก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยลดการเกิด โรคได้ค่ะแต่สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวอยู่ก็ให้ปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ก่อนนะ คะว่าเราควรจะกินอาหารเสริมนี้มั้ย และต้องกินร่วมกับยาที่ได้รับอยู่ปกตินะมันจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพการลด ไขมันดีขึ้นค่ะ

2.    ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทางระบบหลอดเลือดและหัวใจได้ค่ะ
เพราะว่าจะไปช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบหลอดเลือดและหัวใจซึ่งจากการ หาข้อมูลพบว่า AHA/ACCF Secondary Prevention Guideline 2011 ยังแนะนำให้คนเป็นโรคหัวใจขาดเลือดกินน้ำมันปลาแคปซูลเสริมให้ได้ โอเมก้า-3 (DHA+EPA) ปริมาณ 1 กรัมต่อวันด้วยนะคะ

3.    กรดโดโคซาเฮกซีโนอิก หรือ DHA เป็นส่วนประกอบในเซลล์สมอง ประสาท และจอประสาทตา DHA จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยในการบำรุงสมองซึ่งการที่เราได้รับ DHA ปริมาณมากพอ มันจะช่วยให้ความคิดและการจดจำดีขึ้น มีการกล่าวถึงข้อดีของ DHA มานานค่ะ ในนมผงของเด็กก็มีการเพิ่มส่วนผสมนี้เข้าไปเพื่อบำรุงการทำงานของประสาทและ สมอง ก็จะเห็นว่าเจ้า DHA นี่แหละเหมาะสำหรับใครที่ต้องการการบำรุงสมองอย่างมากเลยทีเดียว ผู้ที่ต้องการการบำรุงเยอะ ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ แล้วต้องการเพิ่มการเรียนรู้การจดจำ หรือว่าผู้สูงอายุค่ะ ช่วยการจดจำ การคิด ลดการเสื่อมของระบบประสาทได้ค่ะ

4.    EPA เจ้าตัวนี้มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบต่างๆ ในร่างกายได้
เพราะมันเป็นองค์ประกอบสำคัญของสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเรียกว่า “พลอสตาแกลนดิน” ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดช่วยลดการอักเสบของ
ข้อต่อ นอกจากนี้ EPA ก็ช่วยในการนำส่งสารสื่อประสาทด้วยค่ะ

5.   ยกตัวอย่างที่มีผลงานวิจัยออกมาค่ะว่าการกินน้ำมันปลาที่มีโอเมก้า-3 ร่วมกับการกินยาตามแพทย์สั่ง จะช่วยลดอาการอักเสบของคนที่เป็นโรคข้ออักเสบได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของระบบหัวใจและหลอดเลือด โดย EPA จะไปช่วยเพิ่มความแข็งแรงของระบบหลอดเลือดหัวใจ ทั้งยังช่วยลดไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอไรด์และควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ใน ระดับปกติได้อีกด้วยค่ะ

ขนาดที่แนะนำต่อวันของ โอเมก้า-3 จากสถาบันต่างๆ มีดังนี้ค่ะ AHA (American Heart Association)หรือสมาคมโรคหัวใจของอเมริกา แนะนำ
    ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ ควรรับประทาน DHA+EPA1000 มก/วัน
    ผู้ที่มีไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูง ควรรับประทาน DHA+EPA 2000 มก/วัน

กลุ่ม ISSFAL (International Society for the Study of Fatty Acids and Lipids)และ EFSA (European Food Safety Authority) แนะนำให้รับประทานวันละ 250 มิลลิกรัม เพื่อเสริมสุขภาพ

ทีนี้แนะนำ FishOil Mini ฟิชออยล์ มินิ น้ำมันปลา สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก มีกรดไขมันประเภทโอเมก้า 3 บำรุงสมอง ลดความเสี่ยงเกี่ยวกับ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคสมองเสื่อม โรคข้อเสื่อม ภาวะซึมเศร้า เหมาะกับเด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ หวังว่าคงมีประโยชน์กันนะคะ

เครดิต pantip ข้อมูลเรียบเรียงจาก www.drug.com และ www.webmd.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็บคอมากขนาดไหน สังเกตตัวเองด่วนว่าเป็น ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือไม่ !!

“ไม่ฟอกไต ฟอกเลือด ล้างไต” ได้หรือไม่?