กินไก่มาก เสี่ยงเป็น “โรคเกาต์” จริงหรือไม่?




งานเลี้ยงไหนๆอาหารที่ขาดกันไม่ได้ก็จะมีอาหารที่ทำจาก ไก่ อยู่ด้วยเสมอ ซึ่งมันก็ง่ายในการทำเมนูต่างๆ หลายๆคนก็อาจจะไม่ค่อยชอบเมนูจากไก่มากนักเพราะมีความเชื่อว่ากินแล้วจะเป็น “เกาต์” นั่นเอง จริงๆ แล้วทานไก่มากๆ เสี่ยงโรคเกาต์จริงหรือไม่ เรามีคำตอบค่ะ

ผศ.พญ.อัจฉรา กุลวิสุทธิ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนบทความเกี่ยวกับโรคเกาต์เอาไว้ ดังนี้ค่ะ

โรคเกาต์ คืออะไร?

โรคเกาต์ เป็นโรคข้อซึ่งเกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานจนตกตะกอน ทำให้เกิดโรคข้ออักเสบ ซึ่งโรคนี้รักษาหายขาดได้ หากได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมและต่อเนื่อง



อาการของโรคเกาต์

อาการของโรค แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ

- ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน มักเกิดที่ข้อหัวแม่เท้า หรือข้อเท้า ข้อปวดบวมแดงรุนแรงใน 24 ชั่วโมงแรก หากไม่รักษาสามารถหายได้เองใน 5-7 วัน และส่วนใหญ่จะเป็นซ้ำ ๆ

- ระยะไม่มีอาการ หลังจากข้ออักเสบหาย ผู้ป่วยจะไม่มีอาการใด ๆ

- ระยะเรื้อรัง หลังจากมีอาการซ้ำ 3-5 ปี ข้ออักเสบจะมีจำนวนมากขึ้น ลามมาที่ข้ออื่น ๆ และเกิดก้อนจากผลึกของกรดยูริกขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ อาจแตกเห็นเป็นผงขาวนวลคล้ายชอล์ก


กรดยูริก คืออะไร?

กรดยูริก ส่วนใหญ่ร่างกายสร้างเอง มีเพียงส่วนน้อยไม่ถึงร้อยละ 20 ที่ได้รับจากอาหาร คนปกติค่าในเลือดจะอยู่ในระดับไม่เกิน 7 มิลลิกรัม/เดซิลิตรในเพศชายและหญิงวัยหลังหมดประจำเดือน ส่วนหญิงในวัยที่ยังมีประจำเดือนจะมีระดับไม่เกิน 6 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ค่าที่สูงเกินกว่าระดับดังกล่าวถือว่ามีภาวะกรดยูริกสูง

ภาวะกรดยูริกสูงนี้สัมพันธ์กับภาวะอ้วน, พันธุกรรมในครอบครัว, ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ และยาแอสไพริน, โรคร่วม เช่น ความดันโลหิตสูง, อาหารที่มีกรดยูริกสูง และเหล้าเบียร์ ดังนั้น ควรลดน้ำหนักตัว, งดเหล้า-เบียร์ และ ลดปริมาณอาหารที่มีกรดยูริกสูงลง

คนที่มีระดับกรดยูริกสูงจนทำให้เกิดโรคมีเพียงร้อยละ 10-20 เท่านั้น โดยเป็นโรคเกาต์ และ/หรือ เป็นนิ่วในไต กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเท่านั้นที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา


อาหารที่ทำให้มีกรดยูริกสูง ได้แก่

- เหล้าและเบียร์

- เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ, ไต, สมอง

- อาหารทะเล

- อาหารที่มีไขมันสูง เช่น ขนมเค้ก ขนมปัง น้ำหวาน น้ำผลไม้ที่มีรสหวาน

ส่วนสัตว์ปีก และ สัตว์เนื้อแดงที่มีปริมาณไขมันน้อย ไม่จำเป็นต้องงด ยกเว้นในผู้ป่วยรายที่มีประวัติว่ามีการกำเริบชัดเจนหลังรับประทานอาหารดังกล่าว สำหรับ อาหารมังสวิรัติและผักส่วนใหญ่มีปริมาณกรดยูริกค่อนข้างน้อย สามารถรับประทานได้ตามปรกติ



ยารักษาโรคเกาต์

ยาที่ใช้รักษามี 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

1. ยาควบคุมอาการข้ออักเสบ เพื่อป้องกันการกำเริบของข้ออักเสบ ได้แก่ ยาโคลชิซีน

2. ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ควรให้ในระยะสั้นจนข้ออักเสบหายดี โดยแพทย์จะพิจารณาให้ในขนาดที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย เนื่องจากอาจมีข้อห้ามในผู้ป่วยบางราย ยาในกลุ่มนี้โดยเฉพาะยาโคลชิซีน สามารถให้ในขนาดต่ำเพื่อลดและควบคุมการกำเริบของข้ออักเสบในระยะยาวจนกว่าจะคุมระดับกรดยูริกในเลือดได้

ยาควบคุมระดับกรดยูริก ประกอบด้วย ยาลดการสร้างกรดยูริก ที่สำคัญได้แก่ ยาอัลโลพิวรินอล และยาเพิ่มการขับกรดยูริกทางไต ได้แก่ ยาโปรเบ็นนาซิด, ยาเบนโบรมาโรน และ ยาซัลฟินไพราโซน แพทย์จะเริ่มยากลุ่มนี้เมื่อข้ออักเสบหายดี และ ปรับขนาดยาจนคลุมระดับกรดยูริกในเลือดได้ในระดับ 5-6 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และ ให้ยาต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ การใช้ยาจึงควรใช้อย่างระมัดระวังและเลือกใช้เฉพาะรายโดยแพทย์เฉพาะทาง เนื่องจากมีผลข้างเคียงและอาจมีผลกระทบต่อระดับยาบางชนิดได้

อย่างไรก็ตาม การรักษาตั้งแต่ระยะแรกของโรคจะได้ผลการรักษาดีมาก หากเริ่มรักษาช้า ต้องอาศัยระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีเพื่อให้ได้ผลดีและก้อนยุบลงข้ออักเสบจะหายได้และก้อนตะปุ่มตะป่ำจะยุบราบเป็นปกติได้ 

แต่เดี๋ยวก่อนยังมีทางเลือกอีกทาง จะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้มีการรักษาจากแพทย์แผนทางเลือกควบคู่กันไปด้วย โดยใช้ยาสมุนไพรบำบัด ซึ่งไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาแผนปัจุบัน เช่น เช่น ยาน้ำสมุนไพรโหย่งเหิง หรือ ยาเม็ดสมุนไพรโหย่งหมิง ซึ่งมีตัวยาสมุนไพร เช่น ตังถั่งเฉ้าปัก,เต็กย้ง(เขากวาง),เก๊ากี๊,โต่วต๋ง และอีกกว่า กว่า 30 ชนิด ที่ช่วยปรับสภาพสมดุลของร่างกาย โดยสมุนไพรธรรมชาติ และขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยบำบัดรักษาโรคแห่งความเสื่อมต่างๆ 

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยมีดังนี้

- พบแพทย์แพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการรักษา

- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ได้แก่ การหยุดยาเอง/รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ, การดื่มเหล้าเบียร์, ในรายที่อาหารที่มีกรดยูริกสูงบางชนิดที่กระตุ้นการกำเริบของโรคควรหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าว, การนวด/บีบข้อ เป็นต้น

- รักษาโรคร่วมและดูแลสุขภาพ ที่สำคัญได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ไขมันสูง, โรคหัวใจ, นิ่วไต, โรคอ้วน, และควรงดสูบบุหรี่

- ไม่ห้ามอาหารใด ๆ ยกเว้นในบางรายที่มีข้ออักเสบ เมื่อรับประทานอาหารบางชนิด แนะนำหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าวชั่วคราว แต่เมื่อคุมระดับกรดยูริกได้แล้ว จะรับประทานอาหารได้ทุกประเภท


ทีนี้ก็เข้าใจตรงกันนะ คราวหน้าหยิบไก่ทอดทานได้เลยไม่ต้องกังวลอีกแล้วค่ะ เพียงแต่อย่าทานมากเกินไปก็แล้วกันเนอะ


เครดิต: คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็บคอมากขนาดไหน สังเกตตัวเองด่วนว่าเป็น ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือไม่ !!

FISH OIL น้ำมันปลา ดีต่อสุขภาพอย่างไร เรื่องที่คุณต้องรู้

“ไม่ฟอกไต ฟอกเลือด ล้างไต” ได้หรือไม่?