บริหารสมอง บำรุงสมอง ยืดอายุสายตาคนวัยทำงาน!!
นายแพทย์สมโภช นิปกานนท์ แพทย์ผู้ก่อตั้งสถาบันทางการแพทย์ อีลิท ไลฟ์ อินทิเกรทเตท เมดิคอล เซ็นเตอร์ เล่าถึงการดูแลรักษาเทคนิคการดูแลรักษาสายตา และการบริหารสมอง ว่า
ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพโดยใช้การแพทย์แบบผสมผสาน ได้รับความนิยมเพิ่งสูงขึ้น โดยที่การแพทย์ผสมผสานเป็นลักษณะการดูแลสุขภาพตั้งแต่ต้นเหตุ เพราะคนส่วนใหญ่จะเริ่มรักษากันที่ปลายเหตุ ดังนั้น การที่เราดูแลอย่างควบคู่กันไปทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก รวมถึงการดูแลสุขภาพตนเอง อาทิ การทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็ถือว่าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หากจะกล่าวถึงอวัยวะที่มีความสำคัญในร่างกาย คงต้องบอกว่าทุกส่วนมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะอวัยวะทุกส่วนต้องทำงานสอดคล้อง และสัมพันธ์กันทำให้เราดำเนินและใช้ชีวิตอย่างปกติสุข แต่หากกล่าวถึง ดวงตา อวัยวะที่นับเป็น หน้าต่างของหัวใจ นั้น คงไม่ได้เป็นเพียงอวัยวะที่แสดงความรู้สึก แต่ยังหมายรวมถึง การมองเห็น เพื่อเกิดการรับรู้ และส่งต่อภาพเพื่อให้สมองสั่งงานต่อไป ดังนั้น ดวงตา และ สมอง จึงเป็น 2 อวัยวะที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มีความ สำคัญ และ สัมพันธ์ เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันแทบจะในทุกๆ อิริยาบท แต่ใครจะรู้ว่าเคล็ดไม่ ลับในการดูแลดวงตา และการบริหารสมอง ให้ทั้ง 2 สิ่งนี้ ยังมีความเฉียบคมนั้น ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่ลงมือทำ!!
สำหรับการ ดูแลดวงตา – บริหารสมอง นั้น คนส่วนใหญ่จะคิดว่ารอให้เกิดผลกับร่างกายก่อน จึงค่อยรักษา แต่จริงๆ แล้ว ทุกวันนี้ เราสามารถเริ่มต้นได้ที่ตัวเอง อย่างง่ายๆ โดยสเต็ปแรก เราควรต้องรู้ใน 4 ส่วนหลัก ของร่างกายก่อน ซึ่งได้แก่ อนุมูลอิสระในร่างกาย, การอักเสบของเนื้อเยื่อ, ฮอร์โมน และภูมิต้านทาน ซึ่งถ้า 4 ส่วนนี้มีความสมดุล ก็ยากที่จะเกิดสิ่งผิดปกติกับอวัยวะสำคัญในร่างกาย โดยเฉพาะสมอง และดวงตา
2 อวัยวะสำคัญ ที่กล่าวมาข้างต้น เราสามารถดูแลรักษาได้ในชีวิตประจำวันนั้น เริ่มจากการดูแลดวงตา ที่ถือเป็นอวัยวะที่มนุษย์นั้นใช้งานอยู่ตลอดเวลา ในการทำกิจวัตรประจำวันตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงกระทั่งเวลาหลับ ฉะนั้น ในการใช้สายตาของมนุษย์ออฟฟิศ หรือคนวัยทำงาน ที่นับว่าใช้สายตามากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น การจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน, การขับรถ, การเจอกับแสงแดดที่มากไปหรือแม้กระทั่งการใช้สมาร์ทโฟน ที่มีคลื่นความถี่ ล้วนเป็นปัจจัยทำให้ประสาทตาทำงานผิดปกติ และส่งผลให้เกิดความเสื่อมถอยแก่ดวงตาอยู่ในทุกๆ วัน
ดังนั้น การดูแลรักษาเพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานของสายตาอยู่กับเราไปยาวนาน จึงต้องควบคุมการทำงานในส่วนนี้ให้มีความพอดี พร้อมทั้งการบำรุงควบคู่ไปด้วย อาทิ การรับประทานวิตามินเอ ที่มีอยู่ในน้ำมันตับปลา, วิตามินดี,วิตามินอี และ วิตามินเค ที่จะช่วยบำรุงสายตาให้ดีขึ้น นอกจากนั้น ยังมี ผลบิลเบอร์รี่ ผลไม้ที่มีผลการวิจัยว่ามีแอนโธไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ เพิ่มจอสีประสาทตาให้ทนต่อแสงได้ดี
นอกจากนั้น การบำรุงสายตาแล้ว สมอง ก็นับที่เป็นอวัยวะหลักสำคัญในร่างกายของมนุษย์ที่ต้องได้รับการดูแล โดยสามารถเริ่มบริหารสมองอย่างง่ายๆ ได้ในทุกๆ วันเพราะปกติแล้ว สมองของเราจะมีลักษณะคล้ายๆ กล้ามเนื้อ ถ้าเราขยันออกกำลังกาย ประสิทธิภาพในการทำงานก็จะยังดีอยู่เต็มที่ แต่เมื่อวันใดที่เราบริหารสมองน้อยลง มีการคิดวิเคราะห์ คิดเชิงลึกน้อยลง ก็ส่งผลทำให้เสื่อมถอยไปได้เช่นกัน
นอกจากบริหารสมองแล้ว เราต้องบำรุงสมองให้ถูกจุด โดย สมองต้องการสารบางตัวเพื่อให้มีพละกำลังในการทำงาน อาทิ โคลิน ที่มีอยู่ในไข่แดงของไข่ไก่ , ปลา , เนื้อสัตว์ และชีส
ส่วนในวัยกลุ่มผู้สูงวัย ควรบริหารสมองเพื่อให้คงประสิทธิภาพไว้ มี 3 ข้อง่ายๆ ได้แก่
1) การทำอะไรที่ชอบ อาทิ การดูแลต้นไม้, เลี้ยงสัตว์, ร้องเพลงฯลฯ
2) การทำอะไรใหม่ๆ หรือไม่ค่อยได้ทำ อาทิ การที่ผู้ชายจะไปลองเรียนเย็บปักถักร้อย, การใช้มือข้างที่ไม่ถนัดทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
3) พักสมอง เมื่อเราใช้สมองแล้ว ต้องมีการพักผ่อน โดยควรนอนหลับให้สนิทเพื่อเป็นการพักผ่อน อย่างน้อยที่สุดวันละ 5 ชั่วโมง โดยห้องควรมืดสนิทเพื่อให้เมลาโทนินทำงานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการอยู่กับอะไรที่มีความจดจ่อ อย่างเช่น การนั่งสมาธิ สวดมนต์ โดยให้ทำเป็นกิจวัตรประจำวัน ก็ถือเป็นการพักสมองไปในตัวด้วย
จะเห็นได้ว่า เมื่อใดที่เกิดเป็นโรคขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นโรคที่มีเชื้อโรค หรือโรคแห่งความเสื่อมต่างๆ ทั้งจากสภาพแวดล้อมอาหารการกินซึ่งล้วนแล้วมีสารพิษปลอมปนอยู่ทั้งนั้น ซึ่งส่วนมากผู้ป่วยก็จะรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ทุกวันนี้มีการรักษาจากแพทย์แผนทางเลือกควบคู่กันไปด้วย โดยใช้ยาสมุนไพรบำบัด ซึ่งไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาแผนปัจุบัน เช่น เช่น ยาน้ำสมุนไพรโหย่งเหิง หรือ ยาเม็ดสมุนไพรโหย่งหมิง ซึ่งมีทั้งตัวยาจาก "ถั่งเช่า" ที่ช่วยรักษาอาการแห่งความเสื่อม ยับยั้งบ่อเกิดของโรค ปรับสภาพสมดุลของร่างกาย และขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย
เครดิต: health.mthai
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น