โรคหลอดเลือดในสมอง Stroke "อัมพฤกษ์ อัมพาต" ป้องกันและรักษาได้
(Stroke) โรคหลอดเลือดในสมอง "อัมพฤกษ์ อัมพาต" ป้องกันและรักษาได้
การป้องกัน และการรักษา
การป้องกันโรคหลอดเลือดในสมองใช้แนวทางทั่วไปของการป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือดเพื่อป้องกันภาวะการอุดตันของไขมันในเส้นเลือด และเส้นเลือดตีบ ซึ่งได้แก่
1. การงดดื่มเหล้า
2. งดสูบบุหรี่
3. การหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน แป้ง และน้ำตาล และกินอาหารประเภทผัก และเส้นใยให้มาก
4. พยายามไม่ให้เกิดความเครียด
5. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิต่ำหรือเย็นจัด
6. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอาการที่มีความแตกต่างระหว่างอุณหภูิมิที่มีความแตกต่างกันเกิน 2 องศาเซลเซียส ในเวลาอันสั้น เช่น ไม่ออกจากห้องแอร์ที่เย็นสู่ภายนอกที่ร้อนอย่างกะทันหัน
7. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การรักษา
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมอง ทั้งโรคหลอดเลือดในสมองตีบ และโรคหลอดเลือดในสมองแตกต้องได้รับการรักษาภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อลดอัตราความพิการการจากภาวะสมองขาดเลือด โดยผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมองตีบ มักมีความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว จากกลไกของร่างกายที่ต้องการเพิ่มเลือดไปเลี้ยงที่สมอง ที่เป็นผลมาจากการอุดตันที่หลอดเลือดในสมอง ดังนั้น การรักษาจะให้ยาที่มีฤทธิ์ในการละลายเลือด คือ ยากลุ่ม thrombolytic ประมาณ 3-4.5 ชั่วโมง จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการใช้ยาในกลุ่มอื่นร่วมด้วย เช่น ยาต้านเกล็ดเลือดแอสไพริน
ส่วนโรคหลอดเลือดในสมองแตกจะได้รับการรักษาเพื่อประคองอาการด้วยการผ่าตัดบริเวณที่เส้นเลือดแตกให้ทันถ่วงที โดยพบว่า การผ่าตัดในระยะที่ไม่มีการกดสมองจะให้ผลดี
• แนวทางการรักษา
1. การใช้ยาเพื่อลดอาการตีบตันของหลอดเลือด เช่น ยาต้านเกร็ดเลือด เช่น ไดไพริดาโมล (dipyridamole) หรือยาลดการแข็งตัวของเลือด เช่น วาฟาริน (warfarin)
2. การผ่าตัดอวัยวะที่เกี่ยวเนื่องกับโรค เช่น การผ่าตัดหัวใจ หรือการผ่าตัดสมองหากสมองบางส่วนเกิดการบวม รวมไปถึงการผ่าตัดเส้นเลือดบางแห่งที่ส่งเลือดเลี้ยงสมองเกิดการตีบตัน เช่น เส้นเลือดบริเวณคอ เป็นต้น
3. การทำกายภาพบำบัดสำหรับอวัยวะที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตจากภาวะของโรค
ทังนี้จะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้มีการรักษาจากแพทย์แผนทางเลือกควบคู่กันไปด้วย โดยใช้ยาสมุนไพรบำบัด ซึ่งไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาแผนปัจุบัน เช่น เช่น ยาน้ำสมุนไพรโหย่งเหิง หรือ ยาเม็ดสมุนไพรโหย่งหมิง ซึ่งมีทั้งตัวยาจาก "ถั่งเช่า" ที่ช่วยรักษาอาการอุตตันของเส้นเลือด ปรับสภาพสมดุลของร่างกาย และขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย
เครดิตภาพ กรมควบคุมโรค
การป้องกัน และการรักษา
การป้องกันโรคหลอดเลือดในสมองใช้แนวทางทั่วไปของการป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือดเพื่อป้องกันภาวะการอุดตันของไขมันในเส้นเลือด และเส้นเลือดตีบ ซึ่งได้แก่
1. การงดดื่มเหล้า
2. งดสูบบุหรี่
3. การหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน แป้ง และน้ำตาล และกินอาหารประเภทผัก และเส้นใยให้มาก
4. พยายามไม่ให้เกิดความเครียด
5. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิต่ำหรือเย็นจัด
6. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอาการที่มีความแตกต่างระหว่างอุณหภูิมิที่มีความแตกต่างกันเกิน 2 องศาเซลเซียส ในเวลาอันสั้น เช่น ไม่ออกจากห้องแอร์ที่เย็นสู่ภายนอกที่ร้อนอย่างกะทันหัน
7. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การรักษา
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมอง ทั้งโรคหลอดเลือดในสมองตีบ และโรคหลอดเลือดในสมองแตกต้องได้รับการรักษาภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อลดอัตราความพิการการจากภาวะสมองขาดเลือด โดยผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมองตีบ มักมีความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว จากกลไกของร่างกายที่ต้องการเพิ่มเลือดไปเลี้ยงที่สมอง ที่เป็นผลมาจากการอุดตันที่หลอดเลือดในสมอง ดังนั้น การรักษาจะให้ยาที่มีฤทธิ์ในการละลายเลือด คือ ยากลุ่ม thrombolytic ประมาณ 3-4.5 ชั่วโมง จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการใช้ยาในกลุ่มอื่นร่วมด้วย เช่น ยาต้านเกล็ดเลือดแอสไพริน
ส่วนโรคหลอดเลือดในสมองแตกจะได้รับการรักษาเพื่อประคองอาการด้วยการผ่าตัดบริเวณที่เส้นเลือดแตกให้ทันถ่วงที โดยพบว่า การผ่าตัดในระยะที่ไม่มีการกดสมองจะให้ผลดี
• แนวทางการรักษา
1. การใช้ยาเพื่อลดอาการตีบตันของหลอดเลือด เช่น ยาต้านเกร็ดเลือด เช่น ไดไพริดาโมล (dipyridamole) หรือยาลดการแข็งตัวของเลือด เช่น วาฟาริน (warfarin)
2. การผ่าตัดอวัยวะที่เกี่ยวเนื่องกับโรค เช่น การผ่าตัดหัวใจ หรือการผ่าตัดสมองหากสมองบางส่วนเกิดการบวม รวมไปถึงการผ่าตัดเส้นเลือดบางแห่งที่ส่งเลือดเลี้ยงสมองเกิดการตีบตัน เช่น เส้นเลือดบริเวณคอ เป็นต้น
3. การทำกายภาพบำบัดสำหรับอวัยวะที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตจากภาวะของโรค
ทังนี้จะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้มีการรักษาจากแพทย์แผนทางเลือกควบคู่กันไปด้วย โดยใช้ยาสมุนไพรบำบัด ซึ่งไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาแผนปัจุบัน เช่น เช่น ยาน้ำสมุนไพรโหย่งเหิง หรือ ยาเม็ดสมุนไพรโหย่งหมิง ซึ่งมีทั้งตัวยาจาก "ถั่งเช่า" ที่ช่วยรักษาอาการอุตตันของเส้นเลือด ปรับสภาพสมดุลของร่างกาย และขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น